ข้อแนะนำที่ไม่ควรมองข้ามในการทำประวัติการทำงาน หรือเรซูเม่
ผู้สมัครงานหลายคน คงยังสับสนอยู่ว่าในยุค Asean Economics Community (AEC) ประชาคมเศรฐกิจอาเชียน หรือยุคประเทศไทย 4.0 นั้น คนยังคงเลือกงาน หรืองานยังคงเลือกคนอยู่ อันนี้แล้วแต่มุมมองของปัจเจกชน แต่โดยทั่วไปแล้ว ผู้ประกอบการจะเรียกผู้สมัครเข้ารับการสัมภาษณ์ สามคน ต่องานที่เปิดรับหนึ่งตำแหน่ง และก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการได้รับการเรียกเข้าสัมภาษณ์นั้น องค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งของการสมัครงานคือ ประวัติการทำงาน หรือ เรซูเม่ (resume̒) หรือ CV แมนพาวเวอร์มีข้อแนะนำที่ไม่ควรข้ามในการทำประวัติการทำงาน หรือเรซูเม่ ดังต่อไปนี้
• ประวัติการทำงาน หรือ เรซูเม่ต้องเป็นปัจจุบันที่สุด ทุกครั้งที่มีการสมัครงานใหม่ ต้องมีการอัพเดทให้ประวัติอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด เนื่องจากในแต่ละเดือน แต่ละปีประสบการณ์ในการทำงานของผู้สมัครต้องเพิ่มมากขึ้นตามกาลเวลา มีหน้าที่ความรับผิดชอบอะไรที่เพิ่มขึ้น ควรบรรจุลงไปให้หมด แต่ต้องเรียงลำดับความคิดให้ดี เน้นความสำคัญของหน้าที่ ความรับผิดชอบ ว่าอันไหนเป็นอันดับสำคัญ หรือระดับรอง เขียนให้ครบได้ใจความ ไม่ยืดเยื้อ แบบที่อ่านจบแล้วยังไม่ทราบว่าที่ผ่านมาทำอะไรมาบ้าง
• หาจุดขาย หรือเน้นประเด็นให้ตรงความต้องการ เมื่อเขียนประวัติการทำงานเสร็จแล้ว ควรอ่านทบทวน เช็คความถูกต้อง ว่าตำแหน่งงานที่สมัครนี้ ผู้ประกอบการเน้นทักษะด้านไหนเป็นพิเศษ และถ้าผู้สมัครมีประสบการณ์นั้นตรง ก็ควรเน้นสีเข้มให้ชัดเจน เพราะผู้คัดเลือกประวัติจะเห็นได้ง่าย และชัดเจน ไม่มองข้ามประวัติผู้สมัครไป และนำไปกองไว้เฉยๆ ไม่ควรทำประวัติการทำงาน หรือเรซูเม่ ด้วยสีสัน เทคนิคหลากหลาย (ยกเว้นกรณีที่สถานประกอบการต้องการ) ควรอยู่ในรูปแบบเรียบง่าย เข้าใจง่ายและชัดเจน เป็นขั้นตอน
• ต้องเป็นความจริง สิ่งที่ปรากฏในประวัติการทำงาน หรือ เรซูเม่ของผู้สมัครงานต้องเป็นความจริงเท่านั้น เพราะว่าถ้าเขียนอะไรที่ไม่ใช่ความจริง หรือเกินจริง ผู้สมัครได้รับการเลือกเข้าสัมภาษณ์ พอเจอคำถามจะตอบไม่ได้แน่นอน จะทำให้คะแนน และภาพลักษณ์ของผู้สมัครงานเสียหายทันที เพราะนอกจากไม่ผ่านการสัมภาษณ์แล้ว อาจจะถูกบันทึกไว้ในสมุดดำ-black list-ไม่สามารถกลับไปสมัครงานกับสถานประกอบการอีกเลยก็เป็นได้
• การแปลประวัติการทำงาน หรือเรซูเม่ สถานประกอบการบางแห่งที่มีผู้บริหารเป็นชาวต่างชาติ ต้องนำส่งประวัติที่เป็นภาษาอังกฤษ อันนี้ผู้สมัครงานต้องยอมรับความจริงให้ได้ว่า มีทักษะภาษาอังกฤษมากน้อยเพียงใด ต้องแจ้งไปตามความเป็นจริง เพื่อไม่ให้เสียเวลา และผิดหวังทั้งสองฝ่าย ส่วนกรณีที่จำเป็นต้องแปลประวัติการทำงานให้เป็นภาษาอังกฤษ หรือภาษาอื่น ไม่แนะนำให้แปลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป ผ่านเว็บไซด์ หรือแอปพลิเคชั่นต่างๆ เนื่องจากว่า โปรแกรมเหล่านั้น คิดค้นประดิษฐ์โดยมนุษย์ ย่อมฉลาดน้อยกว่ามนุษย์ ค่อนข้างมีข้อจำกัดและผิดพลาดสูง เนื่องจากโปรแกรมเหล่านี้จะสามารถแปล เป็นคำๆ หรือประโยคสั้นๆ ได้เท่านั้น ไม่สามารถประมวล หรือแปลข้อมูลที่มากมายได้ ทำให้ข้อมูลผิดเพี้ยนไป ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านภาษา หรือเจ้าของภาษา จะทราบทันทีว่าผู้สมัครงานใช้โปรแกรมเหล่านี้แปล อาจจะทำให้เขาวางประวัติการทำงานทิ้งไว้เฉยๆ หรือทำลายทิ้งเสีย แนะนำให้เพื่อนหรือใครที่เชี่ยวชาญในด้านภาษานั้นๆ เป็นผู้แปลให้
• การส่งประวัติการทำงาน หรือเรซูเม่ ช่องทางการส่งประวัติการทำงาน หรือเรซูเม่ สมัครงานกับสถานประกอบการนั้นมีหลายช่องทาง ส่วนใหญ่ก็จะส่งทางไปรษณีย์ หรือส่งผ่านอีเมล์ ดังนั้นเพื่อไม่ให้ประวัติการทำงาน หรือเรซูเม่ ถูกทอดทิ้ง วางเฉย กองสุมไว้ หรือถูกลบทิ้ง การจ่าหน้าซอง หรือการเขียนหัวเรื่องให้ชัดเจนก็สำคัญ ถ้าส่งทางไปรษณีย์ ต้องระบุ หรือวงเล็บมุมซองให้ชัดเจนว่า “สมัครงานตำแหน่ง.....” หรือถ้าส่งทางอีเมล์ ก็ต้องระบุหัวเรื่อง-Subject-ว่า “สมัครงานตำแหน่ง.....” ผู้คัดเลือกประวัติการทำงาน หรือเรซูเม่จะได้สนใจเปิดอ่าน หรือเข้าไปอ่าน ไม่เพิกเฉยต่อประวัติการทำงาน หรือเรซูเม่นั้น กรณีส่งทางไปรษณีย์ นั้นอาจจะส่งแนบเอกสารที่จำเป็นทุกอย่างไปด้วยได้เลย แต่ถ้าส่งผ่านทางอีเมล์ ไม่ควรแนบไฟล์ทุกอย่างเข้าไป เพราะจะเป็นการรบกวน หรือทำให้ระบบเซิฟเวอร์ล่ม หรือเข้าไปอยู่ในเมล์ขยะ ผลเสียก็จะตามมา
การทำประวัติการทำงาน หรือเรซูเม่ นั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด และการลงมือทำครั้งเดียวสามารถเก็บไว้ใช้ได้ตลอดชีวิตของการทำงาน เพียงผู้สมัครให้ความใส่ใจ ใส่ความจริง ทำข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน ตรวจเช็คความถูกต้องก่อนนำส่งทุกครั้ง เท่านี้ผู้สมัครงาน ก็จะได้ประวัติการทำงาน หรือเรซูเม่ของตนเอง ขั้นเทพ โดดเด่น ต้องตา ต้องใจ สถานประกอบการอย่างแน่นอน