หลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก หรือ Butterfly Effect ซึ่งหมายถึงเหตุการณ์เพียงเล็กน้อยเหตุการณ์หนึ่ง สามารถส่งผลกระทบอันซับซ้อนหรือสร้างปรากฎการณ์ใหญ่อีกอย่างขึ้นมาได้ คล้าย ๆ กับวลี “เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว” แต่สถานการณ์ความรุนแรงในยูเครนที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา “ดอกไม้” ในที่นี้ก็คือชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ถูกคร่าไปจากการโจมตี ขณะที่ “ดวงดาว” คือ talents หรือ ผู้มีศักยภาพในการทำงานที่ได้รับผลกระทบกันไปตาม ๆ กันจากการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ของบริษัทต่าง ๆ ทั้งในและนอกยูเครน
ภาวะที่กำลังเกิดขึ้นกับพนักงานจำนวนมากที่ต้องเสียตำแหน่งงานอย่างฉับพลันไม่ทันตั้งตัว ก็คงไม่ต่างจาก Butterfly effect ของผลกระทบจากกรณีสงครามยูเครนที่มีต่อสภาวะตลาดงาน ซึ่งส่งผลกระทบอีกระลอกต่อปากท้องของคนจำนวนมากทั่วโลก
ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังกองทัพรัสเซียเคลื่อนพลเข้าสู่ยูเครน Oleksandr Kyryliuk ถูกโทรบอกเลิกจ้างงานทางโทรศัพท์ Oleksandr เป็นชาวยูเครนที่ทำงานให้บริษัทผลิตเบียร์สัญชาติอังกฤษที่ตั้งอยู่ในรัสเซีย ชายหนุ่มวัย 33 ปีผู้เป็นเสาหลักให้ครอบครัวต้องกลายเป็นคนว่างงานในพริบตา หลังจากบริษัทจากหลายประเทศตัดสินใจยุติการดำเนินงานในรัสเซีย
แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับ Oleksandr เขาเป็นเพียงหนึ่งในคนจำนวนมากที่สูญเสียอาชีพการงานที่เคยเลี้ยงปากท้องและให้ความมั่นคงไปในข้อพิพาทระหว่างสองรัฐ
การโจมตีรุนแรงที่เกิดขึ้นในยูเครน ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากต้องลี้ภัยไปสู่ประเทศอื่นในยุโรป นอกจากนี้ การยุติการดำเนินงานในบริษัทชาติตะวันตกในรัสเซีย อาจทำให้ลูกจ้างในรัสเซียกว่า 2 ล้านคนต้องตกงานภายในสิ้นปีนี้ โดยอัตราการว่างงานอาจพุ่งสูงถึง 8% เลยทีเดียว
รายงานข่าวจาก Forbes ชี้ว่าบริษัท และองค์กรต่าง ๆ ต่างหวั่นใจในความแปรผันของสถานการณ์ความรุนแรง ทำให้ไม่กล้าจ้างงานบุคลากรใหม่ ๆ ขณะเดียวกันก็มีแนวโน้มที่จะเลิกจ้างพนักงานเดิม เพื่อจะลดค่าใช้จ่ายจนกว่าสภานการณ์จะคลี่คลาย เนื่องจากผู้ประกอบการและบริษัท ยังต้องกังวลกับภาวะเงินเฟ้อ ความขาดตอนของห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนความผันผวนของตลาดหุ้นที่ถูกกระทบจากสงครามอีกด้วย ทั้งหมดนี้ แน่นอนว่าจะทำให้ชะตาชีวิตคนจำนวนมากสั่นคลอนอย่างเลี่ยงไม่ได้
ขณะเดียวกัน ชาวยูเครนจำนวนมากต้องอพยพหนีความรุนแรงที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่เข้าสู่ประเทศอื่นๆ ในยุโรป โดยรัฐบาลหลายประเทศก็กำลังเร่งช่วยเหลือบรรเทาสถานการณ์ในการรองรับคลื่นผู้อพยพ ตลอดจนภาคเอกชน ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดหางานให้ผู้อพยพชาวยูเครนอีกด้วย
ในฐานะบริษัทจัดหางานระดับโลก แมนพาวเวอร์กรุ๊ปแสดงความกังวลใจต่อปัญหาการสูญเสียงานที่เกิดขึ้น และประกาศจุดยืนเคียงข้างชาวยูเครนที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสงคราม โดยคุณโจนาส ไพรซ์ซิ่ง CEO และประธานบริษัทแมนพาวเวอร์กรุ๊ปได้ทวีตข้อความแสดงถึงความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า
“พวกเรากำลังจับตาโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในยูเครนอย่างใกล้ชิด โดยทีมงานของเราในประเทศใกล้เคียงได้เร่งให้ความช่วยเหลือแก่พนักงาน ลูกจ้าง และครอบครัวของพวกเขา เรายึดเอาสวัสดิภาพและความปลอดภัยของผู้คนเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกเสมอ และเราขอยืนหยัดร่วมกับทุกคนในการเรียกร้องสันติภาพ” (1 มีนาคม 2565)
แน่นอนว่า แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ยังคงยึดมั่นปนิธานในการให้ความสำคัญกับ #PeopleFirst และเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เป็นฟันเฟืองเล็ก ๆ ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยชาวยูเครน ตลอดจนผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามความรุนแรงในครั้งนี้ ให้ทุกคนปลอดภัยและสร้างโอกาสการจ้างงานเพื่อสร้างรายได้ เพิ่มศักยภาพบุคลากรในตลาด ตลอดจนขับเคลื่อนเศรษฐกิจในหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบด้วย หากฟันเฟืองของเราทำงาน เราอาจสามารถสร้าง Butterfly Effect ในเชิงบวก ที่เริ่มต้นจากเพียงคนหนึ่งคน งานหนึ่งงาน ที่อาจช่วยบรรเทาให้สถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายได้รวดเร็วขึ้น
Cr : Forbes , Reuters , The New York Times , Twitter - Jonas Prising