17 วัน ที่ผ่านมา -

สรุปให้ Freelance, Outsource พนักงานประจำ ต่างกันอย่างไร ?

HR กำลังนั่งหาข้อมูลว่า Freelance, Outsource และพนักงานประจำ ต่างกันอย่างไร ?

​แม้ว่า Freelance, Outsource และพนักงานประจำจะเป็นรูปแบบการจ้างงานที่เรามักคุ้นเคย ซึ่งแต่ละแบบก็มีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป ด้วยเหตุนี้ การทำความเข้าใจการจ้างงานในแต่ละประเภทจึงมีความสำคัญอย่างมาก ยิ่งในฐานะเจ้าของบริษัทและพนักงานฝ่ายบุคคล จะช่วยให้เห็นถึงภาพรวม ที่สามารถนำไปวิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย และเลือกวิธีการจ้างงานที่เหมาะสมกับเป้าหมายขององค์กรได้อย่างตรงจุด

เปรียบเทียบ Freelance, Outsource และพนักงานประจำคืออะไร ต่างกันอย่างไร ?

1. Freelance คืออะไร ?

Freelancer คือบุคคลที่เลือกทำงานอิสระ โดยไม่ได้ขึ้นตรงกับองค์กรใดองค์กรหนึ่งเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่มักจะทำงานในลักษณะของโครงการหรืองานชั่วคราวตามที่ได้รับมอบหมายจากลูกค้า

  • รูปแบบการทำงาน : โดยทั่วไปแล้ว Freelance จะสามารถทำงานให้ลูกค้าหลายรายในเวลาเดียวกันได้ อีกทั้งยังมีอิสระในการเลือกโปรเจกต์ที่ตนเองสนใจและต้องการทำ

  • ความยืดหยุ่น : เนื่องจากไม่มีสัญญาจ้างประจำ ผู้ทำงานสามารถกำหนดตารางเวลาของตนเอง รวมถึงเลือกสถานที่ทำงานได้อย่างอิสระ

  • รายได้และสวัสดิการ : รายได้ของ Freelancer จะขึ้นอยู่กับจำนวนงานที่รับและความสามารถในการหาลูกค้า อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดคือจะไม่ได้รับสวัสดิการจากนายจ้าง ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพหรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

  • ความมั่นคง : แม้ว่า Freelance จะมีอิสระในการเลือกงาน แต่ความมั่นคงของรายได้อาจไม่แน่นอน เนื่องจากต้องขึ้นอยู่กับโอกาสในการหาลูกค้าและสภาวะการแข่งขันในตลาด

2. Outsource คืออะไร ?

Outsource หมายถึงการที่องค์กรเลือกจ้างบุคคลหรือบริษัทภายนอกเข้ามาดำเนินงานแทนพนักงานในองค์กร เช่น การจ้างบริษัทภายนอกมาดูแลระบบ IT หรือการใช้บริการเอเจนซีด้านการตลาด

  • รูปแบบการทำงาน : โดยทั่วไปแล้ว Outsource จะเป็นบุคคลหรือบริษัทที่รับงานภายใต้สัญญาจ้าง ซึ่งอาจเป็นระยะสั้นหรือระยะยาวตามข้อตกลง โดยจะทำงานให้กับองค์กรที่ว่าจ้างตามขอบเขตที่กำหนด

  • ความยืดหยุ่น : แม้ว่าจะมีข้อตกลงหรือสัญญาที่ต้องปฏิบัติตาม แต่ Outsource ยังคงมีความยืดหยุ่นมากกว่าพนักงานประจำ เพราะไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบขององค์กรในทุกด้าน

  • รายได้และสวัสดิการ : รายได้อาจเป็นแบบค่าจ้างตามโครงการหรือเงินเดือน ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างองค์กรกับผู้ให้บริการ อย่างไรก็ตาม สวัสดิการมักจะน้อยกว่าพนักงานประจำ และในบางกรณี ผู้ว่าจ้างอาจไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบในเรื่องสวัสดิการเลยด้วย

  • ความมั่นคง : การจ้างงานแบบ Outsource มีความมั่นคงมากกว่า Freelance เพราะมักมีสัญญาที่ชัดเจน แต่ก็ยังไม่เทียบเท่าพนักงานประจำ เนื่องจากองค์กรอาจเปลี่ยนผู้ให้บริการได้เมื่อหมดสัญญา

3. พนักงานประจำคืออะไร ?

พนักงานประจำ คือบุคคลที่ได้รับการจ้างงานโดยตรงจากองค์กร โดยมีสถานะเป็นลูกจ้างและได้รับสวัสดิการครบถ้วนตามที่กฎหมายแรงงานกำหนด

  • รูปแบบการทำงาน : พนักงานประจำต้องทำงานตามโครงสร้างองค์กร ซึ่งจะมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่ชัดเจนตามแต่ละตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย

  • ความยืดหยุ่น : โดยทั่วไปแล้ว พนักงานประจำจะมีข้อจำกัดในเรื่องของเวลาและสถานที่ทำงาน อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันหลายองค์กรได้เริ่มนำนโยบายการทำงานแบบ Hybrid หรือ Remote มาใช้เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่พนักงาน

  • รายได้และสวัสดิการ : นอกจากเงินเดือนที่แน่นอนแล้ว พนักงานประจำยังได้รับสวัสดิการต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น ประกันสังคม ประกันสุขภาพ โบนัส รวมถึงโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งด้วย

  • ความมั่นคง : ด้วยสัญญาจ้างที่ต่อเนื่อง ทำให้พนักงานประจำมีความมั่นคงในอาชีพมากที่สุดเมื่อเทียบกับ Freelance และ Outsource อย่างไรก็ดี ยังคงมีความเสี่ยงอยู่บ้าง เช่น การปรับลดจำนวนพนักงาน หรือสภาวะทางเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน

ตารางเปรียบเทียบระหว่าง Freelance, Outsource และพนักงานประจำ

หัวข้อ

Freelance

Outsource

พนักงานประจำ

รูปแบบการทำงาน

ทำงานอิสระ เลือกโปรเจกต์เอง

รับงานตามสัญญาจ้างจากองค์กร

ทำงานประจำในองค์กร

ความยืดหยุ่น

สูง เลือกเวลาและสถานที่เอง

ปานกลาง ยืดหยุ่นบางส่วน

ต่ำ (ขึ้นอยู่กับนโยบายองค์กร)

รายได้

ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับจำนวนงาน

ขึ้นอยู่กับสัญญาจ้าง

เงินเดือนประจำ

สวัสดิการ

ไม่มีสวัสดิการจากนายจ้าง

ขึ้นอยู่กับข้อตกลง

มีสวัสดิการ เช่น ประกันสุขภาพ ประกันสังคม

ความมั่นคง

ต่ำ เนื่องจากรายได้ไม่แน่นอน

ปานกลาง ขึ้นอยู่กับสัญญา

สูง และมีโอกาสเลื่อนตำแหน่ง


กลยุทธ์การเลือกรูปแบบการจ้างงาน

เพื่อให้คุณสามารถเลือกรูปแบบการจ้างงานที่เหมาะกับองค์กรที่สุด เรามี 6 กลยุทธ์การเลือกรูปแบบการจ้างงานมาแนะนำ ดังต่อไปนี้

1. วิเคราะห์ลักษณะงาน

ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกรูปแบบการจ้างงาน ควรเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ลักษณะของงานที่ต้องการอย่างละเอียด โดยหากเป็นงานที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในระยะสั้น การจ้าง Freelance หรือ Outsource ก็อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ในทางกลับกัน หากเป็นงานที่ต้องการความต่อเนื่องและสอดคล้องกับเป้าหมายองค์กรในระยะยาว การจ้างพนักงานประจำก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

2. ดูงบประมาณและต้นทุน

เมื่อกำหนดลักษณะงานได้แล้ว สิ่งสำคัญในลำดับถัดมาคือการพิจารณาถึงงบประมาณและต้นทุน ซึ่งการจ้าง Freelance หรือ Outsource มักจะช่วยลดต้นทุนด้านสวัสดิการและค่าจ้างในระยะยาวได้ แต่หากองค์กรต้องการที่จะสร้างทีมงานที่มีความมั่นคงและเติบโตไปด้วยกัน การลงทุนกับพนักงานประจำก็อาจให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ามากกว่า

3. มองผลกระทบต่อองค์กร

นอกจากเรื่องของงบประมาณแล้ว ยังจำเป็นต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อองค์กรในระยะยาวด้วย ทั้งนี้ การใช้ Freelance และ Outsource อาจช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมองค์กรและความต่อเนื่องของงาน ในขณะที่พนักงานประจำ สามารถช่วยสร้างความเป็นทีมและเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรได้ดีกว่า

4. วางระบบบริหารจัดการ

เมื่อตัดสินใจเลือกใช้การจ้างงานรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งแล้ว ทางบริษัทเองก็จำเป็นต้องมีระบบบริหารจัดการที่เหมาะสมรองรับ โดยหากเลือกใช้ Freelance หรือ Outsource องค์กรจะต้องมีโครงสร้างการสื่อสารที่ชัดเจน พร้อมทั้งมีแพลตฟอร์มสำหรับติดตามผลลัพธ์การทำงาน ในขณะที่หากเลือกจ้างในลักษณะพนักงานประจำ ก็ควรมีระบบการบริหารทรัพยากรบุคคลเพื่อช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

5. ตั้งเกณฑ์วัดผล

เพื่อให้มั่นใจว่าการจ้างงานแต่ละรูปแบบให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า องค์กรควรกำหนด Key Performance Indicators (KPIs) ที่ชัดเจนและเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของคุณภาพงาน ประสิทธิภาพในการทำงาน หรือความพึงพอใจของพนักงาน โดยจำเป็นต้องปรับเกณฑ์ให้เหมาะสมกับแต่ละประเภทของพนักงาน เช่น Freelance อาจวัดจากความตรงต่อเวลาและคุณภาพของโปรเจกต์ ในขณะที่พนักงานประจำอาจพิจารณาจากความก้าวหน้าและการมีส่วนร่วมในองค์กร

6. เตรียมแผนสำรอง

ท้ายที่สุดแล้ว องค์กรควรเตรียมแผนสำรองเพื่อรับมือกับปัญหาหรือความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น กล่าวคือ หากใช้ Freelance หรือ Outsource ก็ควรมีเครือข่ายของผู้ให้บริการหลายรายเพื่อรองรับงานในกรณีฉุกเฉิน ส่วนในการบริหารพนักงานประจำ ก็ควรมีแผนพัฒนาทักษะและโครงสร้างการบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หญิงสาวกำลังค้นหาความหมาย ว่า Freelance คืออะไร ทางอินเทอร์เน็ต

Manpower ในฐานะบริษัท Recruitment ระดับโลกที่มีประสบการณ์การให้บริการครอบคลุมถึง 75 ประเทศทั่วโลก พร้อมด้วย 8 สำนักงานในประเทศไทย เราพร้อมให้บริการจัดหาบุคลากรแบบครบวงจร ทั้ง Freelance, พนักงาน Outsource และพนักงานประจำ รวมถึงให้คำปรึกษาและวิเคราะห์รูปแบบการจ้างงานที่เหมาะสม เพื่อให้คุณได้บุคลากรที่มีคุณภาพและตรงตามเป้าหมายองค์กรอย่างแท้จริง สนใจรับคำปรึกษาหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเราได้เลยวันนี้

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Outsourcing vs. Hiring a Freelancer—benefits and drawbacks. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 จาก https://www.linkedin.com/pulse/outsourcing-vs-hiring-freelancerbenefits-drawbacks-isourceout