ยินดีต้อนรับเข้าสู่ยุค New Normal เมื่อเส้นแบ่งระหว่างงานกับความเป็นส่วนตัวถูกทำลายหายไปด้วยเทคโนโลยี อิสรภาพที่จะทำงานที่ไหนก็ได้ ความยืดหยุ่นช่างสวยงาม
งานอิสระ หรือฟรีแลนซ์กลายเป็นภาพฝันของเด็กรุ่นใหม่ ที่ต้องการมีอิสระภาพทางความคิด การเงิน และการใช้ชีวิตที่สวยงาม ควรค่าแก่การออกไปไขว่คว้า ทิ้งงานประจำไว้ข้างหลัง อย่าไปสนใจ เชื่อมั่นในตัวเอง นี่คือชีวิตที่ฉันสมควรจะได้!
ฟังดูดีใช่มั้ยคะ แต่เดี๋ยวก่อน…มันอาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน ซึ่งไม่มีผิด ถูกนะคะ คนที่เราควรถามมากที่สุด คือ "ตัวเอง"
จริง ๆ เรื่องราวของโลกการทำงานไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในออฟฟิศเท่านั้น ยังมีอะไรที่อยู่นอกเหนือชีวิตการทำงานประจำในบริษัท เช่น บางคนตั้งความฝันไว้ตั้งแต่วัยเรียนว่า อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง อยากทำงานแบบอิสระ โดยที่ไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร
ส่วนคนที่กังวลเรื่องความมั่นคง ก็คงตั้งเป้าหมายของตัวเองไว้อีกแบบว่า อยากเติบโตในสายงานที่ตัวเองในถนัด กับการทำงานในบริษัทที่มีชื่อเสียงโด่งดังและมั่นคง โดยหวังไว้ว่าจะได้รับตำแหน่งสูง ๆ เงินเดือนเยอะ ๆ เมื่อประสบการณ์แกร่งกล้า
งานประจำ มีเวลาการทำงานที่แน่นอน เช่น จันทร์ - ศุกร์ ตั้งแต่ 09.00 - 18.00 น. มีการทำสัญญาจ้างงานชัดเจน รายได้คงที่ทุกเดือน มีกองทุนประกันสังคม ประกันสุขภาพแบบกลุ่ม และอีกมากมาย ในขณะที่งานฟรีแลนซ์มีอิสรภาพในการเลือกสถานที่ เวลา และรูปแบบในการทำงานได้ทั้งหมด กับดักแรกของอาชีพฟรีแลนซ์ที่ใคร ๆ ต่างก็ฝันถึง แต่นั่นก็ทำให้คุณห่างไกลคำว่า "เลิกงาน" ไปมากเหมือนกัน มันเป็นข้อดี และข้อเสียไปในตัว
ถ้ามีโอกาสได้คุยกับฟรีแลนซ์ที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ จะทราบดีว่า พวกเขามีวินัยสูงในการจัดเรียงลำดับความสำคัญในการใช้ชีวิต และถ้าหากว่าตอนนี้คุณมีงานประจำทีมั่นคง เพื่อนร่วมงานดี นับว่าคุณโชคดีมาก ๆ แล้วล่ะค่ะ
ดังนั้นการทำงานประจำ ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย และการที่คุณเลือกจะออกมาเป็นเจ้านายตัวเอง กำหนดชีวิตการทำงานของตัวเองได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพียงแต่คุณจะต้องมีวินัยให้มาก
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ "ตัวเอง" ดูความต้องการ ไลฟ์สไตล์ว่าเราเหมาะกับชีวิตแบบไหน หากเป็นสิ่งที่เหมาะกับความชอบ ไลฟ์สไตล์ของตัวเอง คุณก็จะมีความสุขกับการทำงานค่ะ